คิดจริงทำจริง! อีลอน มัสก์ เผยเร่งสร้าง ‘แคปซูลจิ๋ว’ พาหมูป่า 13

 ชีวิตพ้นถ้ำ

       หลังจากทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญจาก Space X และ Boring Company ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือเด็กทั้ง 13 คนให้ออกมาจากถ้ำหลวง ล่าสุด Elon Musk ซีอีโอคนดังก็ได้ทวีตเพิ่มเติมว่าพวกเขาจะสร้างห้องแคปซูลขนาดเล็กสำหรับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ตัวไม่ใหญ่ โดยจะใช้ชิ้นส่วนจากท่ออ็อกซิเจนเหลวบางส่วนจากจรวด Falcon โดยท่อแคปซูลดังกล่าวจะถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กมากพอสำหรับการลอดผ่านตัวถ้ำได้ ขณะเดียวกันก็จะมีน้ำหนักเบาขนาดทุ่นลอยน้ำทั่วไปซึ่งนักดำน้ำสองคนจะสามารถขนย้ายได้โดยไม่ลำบาก

      สำหรับท่อแคปซูลดังกล่าวนั้นคาดว่าจะสามารถบรรถุถังอากาศที่ด้านหน้าและหลังฝั่งละ 2 ถัง มีฝาปิดแคปซูลฉุกเฉินในกรณีที่ตัวแคปซูลเกิดรั่ว รวมทั้งมีคุณสมบัติกันกระแทกจากการขนย้ายภายในถ้ำได้อย่างดี โดย มัสก์ ได้อัปเดตว่าในเวลานี้ทีมวิศวกรของ Space X กำลังสร้างแคปซูลดังกล่าว ซึ่งจะเสร็จพร้อมใช้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงก่อนจะถูกส่งไปประเทศไทย

วิเคราะห์

     จากกรณี ทีมหมูป่าและโค้ช ติดถ้ำ ประเทศไทย  ได้รับการช่่วยเหลือจากหลายๆประเทศ  เมื่อพบเด็ก ก็ไม่สามารถนำเด็กออกมาได้ ต่างประเทศจึงใช้เทคโนโลยี สร้างเครื่องมือที่จะนำเด็กออกมาอย่างปลอดภัย  แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 

เค้กปลาทู

วัคซีน HIV มีแววพัฒนาสำเร็จหลังทดสอบในมนุษย์แล้วผลลัพธ์ค่อนข้างดี

   งานนี้เกิดมาจากเหล่านักวิทยาศาสตร์ในรั้วของมหาวิทยาลัย Harvard ร่วมกันคิดค้น และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ในครั้งนี้ โดยผลงานที่พวกเขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้ก็คือการทดสอบวัคซีนที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของมนุษย์เพื่อต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อต่อต้านระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์อย่าง HIV นั่นเอง

ซึ่งครั้งนี้เป็นการทดสอบในมนุษย์ และผลที่ได้ก็คือทุกคนในการทดสอบที่ได้รับวัคซีนนั้นมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อต้านกับเชื้อ HIV ได้ดีขึ้น และกว่าร้อยละ 80 มีการตอบสนองที่สูงขึ้นด้วย

   นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าวัคซีนตัวเดียวกันสามารถปกป้องลิงที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์จากไวรัสโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ถึงร้อยละ 67 เลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันอาจจะมีผลต่อเชื้อ HIV ได้เช่นเดียวกัน แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้วัคซีนตัวนี้ได้รับการรับรองว่ามีประสิทธิภาพ 100% มันเป็นแค่การทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่า เมื่อการทดสอบกับลิงที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์แล้วมีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจก็น่าจะมีแนวโน้มที่จะนำวัคซีนนี้มาใช้ป้องกันการติดเชื้อกับมนุษย์ได้ และขั้นตอนต่อไปก็คือการนำวัคซีนนี้ไปทดสอบกับผู้หญิงในแอฟริกาใต้กว่า 2,600 คนที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV นั่นเอง

   และวัคซีนตัวนี้ก็ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์เหมือนที่ผ่านมาที่มุ่งเน้นจะรักษาเพียง HIV เท่านั้นแต่วัคซีนตัวนี้จะเป็นการผสมผสานเพื่อให้สามารถเป็นยารักษาโรคที่เป็น Universal Drug ได้ 

แม้ว่านี่อาจจะไม่ใช่คำตอบที่สามารถแก้ปัญหา HIV ได้อย่างแท้จริงแต่ก็คาดว่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่จะพาวงการแพทย์ไปสู่สิ่งที่รอคอยกันมานานนั่นก็คือการป้องกันและรักษา HIV ให้หายขาดได้นั่นเอง

 วิเคราะห์

   ถือว่าเป็นการวิจัยที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถต่อต้านกับเชื้อ HIVได้ด้วย  นอกจากนี้ยังเป็นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของมนุษย์ โดยผลวิจัย  ถือว่าวัคซีนตัวนี้ ได้ผลดีเป็นอย่างมากเพราะมีการตอบสนองสูงขึ้นถึง ร้อยละ 80 ของผู้ทดลอง

Google ทำสำเร็จ! พัฒนา AI ที่สามารถคาดเดาความเสี่ยงของอาการหัวใจวายได้ เพียงแค่สแกนดวงตา

              สื่อ The Washington Post เผยว่า กลุ่มนักวิจัยจาก Google และ Verily ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพ ได้ประกาศความสำเร็จในการสร้างอัลกอริทึมในการพยากรณ์ว่า คน ๆ นั้นมีความดันโลหิตสูง หรือเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายหรือไม่ เพียงแค่สแกนดวงตาเท่านั้น

โดยกลุ่มนักวิจัยจาก Google ได้ทำการฝึกสอนอัลกอริทึมด้วยรูปภาพของดวงตาจากผู้ป่วยมากกว่า 280,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้อัลกอริทึมดังกล่าว สามารถจดจำได้ว่า ดวงตาของผู้ป่วยจะมีรูปแบบเช่นใด

จากความสำเร็จของอัลกอริทึมที่ทาง Google พัฒนามานี้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีกับการนำมาพัฒนาต่อเกี่ยวกับด้านการแพทย์ในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ อัลกอริทึมดังกล่าวยังไม่สามารถลงสนามจริงได้ เนื่องจากมีความแม่นยำอยู่ที่ 70% เท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องเก็บข้อมูลและเรียนรู้อีกมากจนกว่าจะสามารถนำไปใช้ได้

วิเคราะห์

                ถือเป็นข่าวดีที่กลุ่มวิจัยจาก google และ verily สามารถคิดค้นอัลกแริทึมที่สามารถคาดเดาความดันโลหิต หรือการเสี่ยงต่อการหัวใจวาย แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่คาดว่า ในอนาคต อัลกอริทึมจะมีประโยชน์ต่อด้านการแพทย์ในอนาคตเป็นอย่างมาก 

หุ่นยนต์ เตรียมยึดงานในโกดังสินค้าอุปโภคบริโภคอเมริกัน

บรรดาร้านค้าอุปโภคบริโภคในสหรัฐ ต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงลูกค้าที่ชอบความสะดวก สบายในการใช้บริการส่งของถึงบ้าน ส่งผลให้การใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทในการแข่งขันนี้มากขึ้น

เดิมที มีเพียงโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น ที่นำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบรถยนต์ แต่ต่อมา บรรดาร้านค้าปลีกเริ่มนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในคลังสินค้าของตน เพื่อช่วยให้การจัดส่งสินค้า เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

การนำหุ่นยนต์มาใช้ ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเดินไกลๆ เพื่อไปหยิบของจากชั้น มาบรรจุลงกล่อง หุ่นยนต์สามารถจำแนกประเภท และค้นหาสินค้าได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ ช่วยให้สามารถจัดส่งสินค้าตามบ้าน ในวันเดียวกันกับที่สั่งซื้อได้

นักวิเคราะห์การลงทุน Gary White กล่าวว่า การที่ Kroger ร้านค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของ สหรัฐ จับมือกับ Ocado ซุปเปอร์มาเก็ตออนไลน์ ซึ่งเป็นเจ้าของคลังเก็บสินค้าอัจฉริยะ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปนั้น อาจช่วยให้สภาพการเงินของ Ocado ดีขึ้น เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของ ผลกำไร และอาจช่วยให้การจัดส่งสินค้าของ Kroger รวดเร็วยิ่งขึ้น

หุ่นยนต์ที่ทำงานด้วยแบตเตอรีเหล่านี้ สามารถเคลื่อนตัวได้ไกลถึง 4 เมตรต่อวินาที ติดต่อสื่อสารด้วยเครือข่ายไร้สาย 4G เหมือนกับเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือ

หุ่นยนต์สามารถบรรทุกของได้หนักถึง 10 กิโลกรัม และสามารถจัดเตรียมสินค้าได้มากถึง 50 ชิ้นเพียงในเวลาไม่กี่นาที

ที่สำคัญหุ่นยนต์จะถูกควบคุมด้วยระบบที่เหมือนกับระบบที่ใช้ในการควบคุมการจราจรทางอากาศ ช่วยให้จัดส่งสินค้าได้สัปดาห์ละ 65,000 รายการ

ปัจจุบัน มีการนำการจัดส่งสินค้าด้วยหุ่นยนต์มาทดลองใช้แล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมชี้ว่า การจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคตามบ้านเรือน อาจจะกลายเป็นกลุ่มแรกในอุตสาหกรรมร้านค้าปลีก ที่ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ก็เป็นได้

วิเคราะห์

 เทคโนโลยีต่างๆจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ และมนุษย์ จะสะดวกสบายมากขึ้น แรงงานมนุษย์ในอนาคตคาดว่า  น่าจะมีแนวโน้มลดลงเพราะต่อไป  อาจจะใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานคน